นอกจากสายพันธ์จะเป็นต้นทางบ่งบอกถึงกลิ่นและรสของกาแฟ
แต่ถ้าจะให้แตกต่างจนสามารถสร้างอัตลักษณ์ของ”กาแฟพิเศษ”ได้ก็ต้องมองลึกไปถึงการผลิตตลอดกระบวนการ
กาแฟราคาแก้วละ ๕๐๐ หรือ จะแพงแค่ไหนก็ไม่ใช่ตัวกำหนดว่าเป็น
”กาแฟพิเศษ” สำหรับอุตสาหกรรมกาแฟหนึ่งในการสร้างมูลค่าเพิ่ม คือ
การสร้างคุณสมบัติด้านการสัมผัสไม่ว่าจะเป็นกลิ่นหรือรสให้มีความเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความใส่ใจตลอดกระบวนการผลิตตั้งแต่การปลูกและเก็บเกี่ยวไปจนถึงการแปรรูปที่ได้มาตรฐาน
และเมื่อผ่านการรับรองจากนักชิมกาแฟ(Cupper หรือ Certificate Q-Grader) มาทำการ
Cupping และประเมินคะแนนว่า
เป็นกาแฟที่มีกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพ โดยให้คะแนนตั้งแต่ ๘๐ คะแนนขึ้นไปก็จะได้รับการยืนยันการเป็น”กาแฟพิเศษ”
การเริ่มต้นของ”กาแฟพิเศษ” คือ
ที่สหรัฐเพราะผู้บริโภคต้องการกาแฟคุณภาพ
ซึ่งต่อมาได้มีการร่วมกำหนดมาตรวัดตลอดจนวิธีการประเมินคุณภาพกาแฟโดย ๓
องค์กร ได้แก่ สมาคมกาแฟพิเศษ (SCA : Specialty Coffee Association ) องค์กรดูแลคุณภาพกาแฟ ( CGI : The Coffee Quality Institute )หน่วยงานกลางในการควบคุมเกณฑ์การคั่วไปจนถึงการชิม และองค์กรกาแฟวิจัยโลก ( WCA : World Coffee
Research ) หน่วยงานที่ได้สร้าง
“วงล้อรสกาแฟ” (Coffee Taster’s Flavor
Wheel) เพื่อสร้างความสดวกให้นักชิมและผู้บริโภคแยกแยะรสชาติและกลิ่นของกาแฟ
การให้คะแนนกาแฟพิเศษ
เพราะคำว่า“อร่อย”ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ดังนั้น การมีหน่วยงานกลางที่น่าเชื่อถือเป็นผู้กำหนดมาตรฐานจึงมีนัยสำคัญ สมาคมกาแฟพิเศษ(SCA :
Specialty Coffee Association ) เป็นองค์กรกำหนดมาตรฐานทางกายภาพเมล็ดกาแฟดิบ ซึ่งได้พัฒนาระบบการให้คะแนนในการประเมินคุณภาพสำหรับ”กาแฟพิเศษ”
โดยแบ่งออกเป็น
- ด้านเนื้อสัมผัสของกาแฟ
(Body)
- ด้านรสชาติ (Flavor)
- ความสมดุลในรสชาติ (Balance Uniformity Clean Cup)
-
ด้านกลิ่น (Aroma)
- รสกาแฟที่ยังคงกรุ่นอยู่ในปาก (After Taste)
- ความเปรี้ยว
หรือ ความเป็นกรดของกาแฟ (Acidity)
- ความหวาน (Sweetness)
สำหรับเกณฑ์การให้คะแนน คือ ๑-๑๐๐
เมื่อนักชิมให้คะแนน ๘๐ คะแนนขึ้นไป จึงจะได้รับการรับรองว่าเป็น”กาแฟพิเศษ”(Specialty Coffee) หากคะแนนต่ำกว่า
๘๐ จะถือว่าเป็นกาแฟทั่วไป (Commercial
Coffee Grade) คือ บริโภคแบบสินค้าทั่วไป
หรือ Community Product
คุณค่าที่มากับเมล็ดกาแฟ
นอกจากราคาที่มาพร้อมกับคุณภาพตามมาตรฐานอันเป็นที่ยอมรับแล้ว
คุณค่าของกาแฟยังแฝงไว้ด้วยเรื่องราวของแหล่งที่มาว่ามีเสน่ห์มากพอให้ถูกบอกต่อและจดจำหรือไม่
Story
Telling ของ”กาแฟพิเศษ”
คือ การส่งมอบเนื้อหาความเป็นมา แนวคิด ความประณีตในทุกขั้นตอนที่มีความแตกต่างเพื่อสร้างความตราตรึงใจให้แก่ผู้บริโภค มาติดตามเรื่องราวของแหล่งท่องเที่ยวของ ๒
ชุมชนที่ตำบลแจ้ซ้อน อำเภอเมือง จังหวัดลำปางทั้งบ้านป่าเหมี้ยงและบ้านแม่แจ๋มซึ่งเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเส้นทางกาแฟพิเศษ ซึ่งจะเข้าสู่กระบวนการการพัฒนาโดยทีมคณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
ลำปาง
ถึงตรงนี้บอกได้เลยว่าการดื่มด่ำ”กาแฟพิเศษ”อย่างเข้าใจในนิยาม
และการเข้าถึง ความเป็นมาของแต่ละแบรนด์ ไม่ว่าจะต้องเดินทางไกลแค่ไหนคอกาแฟและนักท่องเที่ยวก็จะบอกได้ว่าจะราคาเท่าไหร่ก็คุ้มแสนคุ้ม
คนเล่าเรื่องและจัดทำคลิป : สุภาวดี เวศยพิรุฬ์ห์
วิดีโอคลิปจาก Video by super korean from Pixabay (๓๙๘๑๑)
0 ความคิดเห็น